บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิชาธรรมกายกับสติปัฏฐาน

กระแสโลกาภิวัตน์ (globalization) อันเป็นผลมาจากพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลกได้พาพฤติกรรม การแดกด่วน” (fast food) เข้ามาในเมืองไทยของเราด้วย

แต่ที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ว่า เป็นการแดกด่วนอย่างของต่างประเทศ เช่น McDonald เป็นต้น ที่มีผลที่ตามมาเป็นโทษ ที่ต้องตามมาแก้ไขกันอย่างมากมาย

ที ข้าวแกงอันเป็นอาหารจานด่วนของเราที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม ไม่ได้มีผลเสียอะไร เพราะ ข้าวแกงของเราเต็มยังเต็มบริบูรณ์ไปด้วยสารอาหาร กลับไม่ค่อยได้รับความนิยม

ในทางศาสนา ก็ยังอุตส่าห์มีการแดกด่วน (fast food) กับเขาด้วย คือ การปฏิบัติธรรมของพระพม่า ซึ่งพัฒนามาเป็นสายยุบหนอพองหนอกับสายนามรูป

สายยุบหนอพองหนอโฆษณาว่า แค่เดินไปเดินมา พิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบถย่อย ทำความรู้ตัวให้เป็นปัจจุบันอยู่ทุกขณะจิต ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วันท่านก็จะบรรลุมรรคผลกันแล้ว

คนไทยที่มีพฤติกรรมชอบการแดกด่วนก็นับถือกันไปเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี จากข้อเท็จจริง (fact) ที่พบเห็นกันโดยทั่วไป พระพม่ารวมทั้งสาวกชาวไทยสอนกันมาหลายสิบปี คิดอย่างต่ำ 7 เท่าของ 7 ปี ก็คือ 49 ปีเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าพระพม่ากับสาวกจะใกล้ความเป็นพระอรหันต์เสียที

ถ้าเปรียบเทียบกับสายวิชาธรรมกาย ซึ่งเปรียบเทียบได้ว่า เป็นข้าวแกงของเรานั้น  เป็นการปฏิบัติที่เป็นสายตรงที่สุด สายสั้นที่สุด และสายเร็วที่สุดในการสร้างบารมีแล้ว

บารมี 30 ทัศนั้น สายปฏิบัติธรรมอื่นๆ ไม่มีวิธีตรวจสอบว่า ตัวเองอยู่ระดับไหน ต้องรอจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์แล้ว ถึงจะรู้ว่า ตนเองบารมีเต็มแล้ว

สายวิชาธรรมกายเราสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่า ขณะนี้ ตอนนี้บารมี 30 ทัศของเราอยู่ในระดับไหน  ควรจะสร้างบารมีแบบใดจึงจะได้บารมีแบบรวบยอด และได้บารมีสูงสุด

ขอบอกตรงนี้เลยก็ได้ บารมีนั้นก็คือ การให้ธรรมะเป็นทาน โดยการออกไปสอนให้คนเห็นดวงธรรมและกายธรรม

เรื่องนี้ ผมปฏิบัติมาตลอด ขอยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริง

หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนปฏิบัติธรรมตามแบบพระพุทธเจ้า จึงไม่มีการมายกย่องพระสูตรใดพระสูตรหนึ่งว่าดีกว่าพระสูตรอื่น เช่น พระพม่า เป็นต้น

ความคิดในการยกย่องว่าพระสูตรใดพระสูตรหนึ่งดีกว่าพระสูตรอื่นๆ นั้น  เป็น “การนำเข้า” มาจากพระพม่า  ทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทย เสียศูนย์กันไปเป็นจำนวนมาก  แม้กระทั่งสายพุทโธก็ต้องไปชู “อานาปานสติสูตร” เข้ามาต่อสู้

พระพม่าสอนแต่สติปัฏฐานอย่างเดียว แล้วก็โฆษณาไปว่า จะบรรลุพระอรหันต์ภายใน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน โดยไม่ต้องบำเพ็ญบารมี 30 ทัศ ไม่ต้องพิจารณาอริยสัจ 4 ไม่ต้องศึกษามรรค 8 ซึ่งเป็นไปไม่ได้

วิชาธรรมกายนั้น เป็นสติปัฏฐาน 4 โดยเนื้อหาของวิชาอยู่แล้ว  ท่านจะเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตใจจิต ธรรมในธรรมตลอด เมื่อท่านศึกษาวิชาธรรมกาย

ขอยกตัวที่เด่นชัดที่สุดก็คือ ดวงปฐมมรรค ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า วิชาธรรมกายสอนสติปัฏฐาน 4 ไปในตัวอยู่แล้ว  จึงไม่ต้องจำเป็นจะต้องมาชูสติปัฏฐาน 4 ให้สูงกว่าพระสูตรอื่นๆ

หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนไว้ในการเทศน์เรื่อง รตนตฺตยคมนปณามคาถาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2492 ในเรื่องนี้ ไว้ดังนี้

การเข้าถึงพระรัตนตรัยต้องใช้ กาย-วาจา-ใจที่ละเอียด ที่หยาบเข้าไม่ถึง กายที่ละเอียดซึ่งได้กับกายสังขาร วาจาที่ละเอียดซึ่งได้กับวจีสังขาร ใจที่ละเอียดซึ่งได้กับจิตสังขาร

กายสังขาร คือ ลมหายใจเข้าออกซึ่งปรนเปรอกายให้เป็นอยู่
วจีสังขาร คือ ความตรึกตรองที่จะพูด
จิตสังขาร คือ ความปรุงของจิตสำหรับใช้ทางใจ

กายสังขารสงบ คือ ลมหายใจหยุด วจีสังขารสงบ คือ ความตรึกตรองหยุด  จิตสังขารสงบ คือใจหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางของดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ชื่อว่าสันติ ลมหยุดลงไปในที่เดียวกันชื่อว่า อานาปาน ซึ่งแปลว่า ลมหยุดนิ่งหรือไม่มี

เมื่อสังขารทั้งสามหยุดถูกส่วนเข้าแล้ว เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วย

ส่วนหนึ่งเมื่อสังขารสงบมีความสุขเกิดขึ้น เรียกว่า เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน

จิตคิดว่าเป็นสุขเรียกว่า จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ในเมื่อสติปัฏฐานทั้งสามถูกส่วนพร้อมกันเข้า เกิดเป็นดวงใสขึ้นเท่าฟองไข่แดงหรือเท่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ใสบริสุทธิ์สนิทเหมือนกระจกส่องเงาหน้า นั่นแหละ ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ดวงนี้บางท่านเรียกว่า พระธรรมดวงแก้ว โบราณท่านใช้แปลในมูลกัจจายว่า ปฐมมรรค

ขอให้ท่านผู้อ่าน โปรดพิจารณาดูว่า วิชาธรรมกายเป็นสติปัฏฐาน 4 หรือไม่

จะเห็นได้ว่า วิชาธรรมกายนั้นเป็นสติปัฏฐาน 4 ยิ่งกว่าคำสอนของสายยุบหนอพองหนอ ซึ่งไม่ยอมเห็นอะไรทั้งสิ้น

กายานุปัสสนา มาจาก กาย + อนุปัสนา แปลว่า ตามเห็นพวกยุบหนอพองหนอก็อธิบายเข้ารกเข้าพงไปว่า “พิจารณาเห็น” บางคนเอา “เห็น” ออกไปเลย เลยเพียง “พิจารณา”  แต่ไม่มีใครยอมเห็น

อนุปัสนาแปลว่า ตามเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำก็สอนไว้อย่างชัดเจนว่า  การเห็นกายมนุษย์หยาบด้วยตาเนื้อของเรา แล้วค่อยไปเห็นกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด จนกระทั่งถึงกายธรรมพระอรหัตนั่นแหละคือ การตามเห็น

จะเห็นได้ว่า คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็ถูกต้องตามพระไตรปิฎกอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือ มีการปฏิบัติตามได้ด้วย  เห็นผลปฏิเวธได้อีก

การที่กายมนุษย์หยาบปฏิบัติธรรมตามสายวิชาธรรมกายจนเห็นกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดนั่นคือ “ปฏิเวธ

การเห็นกายละเอียดต่างๆ เข้าไปอีก ก็เป็น “ปฏิเวธ” เข้าไปเป็นชั้นๆ ไป

หลักฐานที่เป็นวิชาการก็คือ การที่ผมให้เด็กนักเรียนวาดรูปมาให้ดู หาดูหาอ่านได้ในบทความของบล็อกนี้

สายยุบหนอพองหนอสามารถอธิบายได้อย่างชัดแจ้งเช่นนี้หรือไม่.............





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น